วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ไดโนเสาร์สัตว์โลกดึกดำบรรพ์ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ก้น,จน'ใม่น่าจะสามารถ เชื่อมใยงr ชี้ให้เห็นถึงการปะติดปะต่ออย่างลวกๆ ของหลักฐานฟอสซิลบางชนิดเพื่อ ยืนยันว่าสัตว์เสือยคลานอย่างไดโนเสาร๊วิวัฒนากวรมว'■ป็นนย โดยอาลัย โครงกระดูกที่เรียกชื่อกันว่า “อาร์คีออฟเทอร์ริกช์” (Archaeopteryx) ทีไม่ ได้มีความสมบูรณ์พอที่จะหาข้อสรุปถึงความเป็นนกหรือความเป็น เรือยางลำใหญ่  ไดโนเสาร์จากเศษซากดังกล่าวได้เลย,ความพยายามฉุดกระชากลากถูให้ ซากปลาดึกดำบรรพ์บางชนิดอย่างเช่น “ปลาซีลาแคนซ์” (Coelacanthus) ให้ เข้ามาเชื่อมรอยต่อการวิวัฒนาการระหว่างปลากับสัตว์เลื้อยคลานที'แทบ  จะกลายเป็นการฉีกหน้าให้กับทฤษฎี “ดารํวิน” เมื่อมีการไปพบปลาชนิด นี้ว่ายังคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้สูญพันธุไปตามที่คาดและกลับมีนิสัยชอบอาดัย อยู่ในทะเลลึกจนไม่สามารถโผล่ขึ้นมาในระดับผิวนํ้าได้เลย,การนำเอา ซากหัวกะโหลกบางชิ้นมาเชื่อมต่อกับขากรรไกรของลิงอุรังอุตังแล้วแปร สภาพให้กลายเป็น “มนุษย์พิลท์ดาวน์” (Piltdown Man) เพื่อเชื่อมรอยต่อ การวิวัฒนาการระหว่างมนุษย์กับลิง,หรือแม้กระทั่งหลักฐานที่ถูกถือกันว่า เป็น “วิวัฒนาการในเวลาจริง” นั่นก็คือ การแสดงถึงร่องรอยการ วิวัฒนาการอันเนื่องมาจากความแตกต่างใน “จงอยปาก” ของ “นก พีนซ์”หรือนกกระจาบ ที่กระจัดกระจายอยู่ในแถบหมู่เกาะกาลาปาโกส ที่ “มิลตัน” ได้ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นเพียงความแตกต่างที่เกิดขึ้นใน “สปีชีสั” เดียวกัน หรือเป็นความแตกต่างซึ่งอยู่ภายใต้ “ขอบเขตจำกัด” ของสิ่งมี ชีวิตที่อยู่ในชนิดเดียวกัน ไม่ใช่ความแตกต่างที่สามารถดลบันดาลให้ “แมลงหวี่” กลายไปเป็น “ช้าง” หรือ “หมี” กลายไปเป็น “ปลาวาฬ” ...ที่ ทฤษฎีวิวัฒนาการต้องการลากจูงจินตนาการของใครต่อใครให้เป็นไป  ตามนั้น...ฯลฯแต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านันก็คือว่า...ภาย,ใต้ความพยายามดึงเอาวิทยาศาสตร์แต่ละสาขาให้เข้ามารองรับแนวคิดหรือกรอบความคิดของ ทฤษฎี “ดาร์วิน” เรือยางไวนิล  กันอย่างชุลมุนวุ่นวายนั้น ได้ก่อให้เกิดภาพความขัดแย้ง และความเห็นที่ไม่ลงรอยของนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากมายในแทบทุก  สาขา ที่แสดงให้เห็นถึงการดิ้นรนไม่ยอมรับกับสภาพการบังคับให้อยู่ ภายใต้กรอบความคิดเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน ไม่ต่างไปจากบรรดานัก วิทยาศาสตร์ที่ไม่ยอมรับวิธีการคำนวณอายุโลก หรือไม่ยอมรับการสรุป ตัดตอนเพื่อให้สารเคมีสามารถประกอบตัวเองจนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิต โดยบังเอิญนั้นเอง...แม้กระทั่งการดึงเอาวิทยาศาสตร์ที่มีความซับช้อนในระดับ “ชีวโมเลกุล” เข้ามาสนับสนุนกรอบความคิดดังกล่าวด้วยการอ้างอิงถึง หลักฐานในระดับ “รหัสพันธุกรรม” ก็แล้วแต่ แต่การค้นพบใหม่ๆ ทาง วิทยาศาสตร์ที่มันได้ให้ข้อมูล,ข้อเท็จจริงเพื่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ สิ่งต่างๆ นอกจากจะไม่ได้เป็นไปตามกรอบความคิดเหล่านี้แล้ว มันกลับ ยิ่งทำให้เกิดความพยายามในการแหวกกรอบความคิดเหล่านี้กันอีก มากมาย ไปจนถึงขั้นที่ตั้งข้อลังเกตกันว่า ความเชื่อเดิมๆ ที่เชื่อว่า “สารเคมี” ที่เกาะอยู่บน “โครโมโซม” หรือที่เรียกกันว่า “ยีน” นั้น คือตัวการตัวเดียว เท่านั้นในการถ่ายทอดรหัสพันธุกรรม...มันกลับไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นอีกต่อ ไปแล้ว สิ่งที่ชับซ้อนยิ่งไปกว่าองค์ประกอบของสารเคมีในการทำหน้าที่ เหล่านี้ มันอาจจะอยู่ลึกลงไปยิ่งกว่า “สสาร” หรือ “สิ่งที่ไม่ใช่สสาร” อาจ เรือยางสูบลม จะเป็นตัวการสำคัญที่เป็นผู้ที่ขับเคลื่อนโครงข่ายของกระบวนการชีวิตกัน แทนที่...???นัก  “ชีวโมเลกุลวิทยา” ยุคใหม่อย่าง “ไมเคิล เดนตัน” ที่ได้เขียน หนังสือเรื่อง “วิวัฒนาการ-ทฤษฎีในช่วงวิกฤต” ถึงกับสรุปเอาไว้ว่า ถ้า หากนำเอาข้อมูลและการค้นพบใหม่ๆ ทางชีวโมเลกุลวิทยาในยุคหลังๆ ไป ให้กับฝ่ายตรงกันข้ามของ “ดาร์วิน” ตั้งแต่เมื่อศตวรรษที่แล้ว... “ความ

เรือยาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น